เรื่องเล่าจากฉางเจียง ตอนเจ้าสาวของเทพเหอป่อ
ในสมัยรณรัฐ มีเจ้าผู้ครองรัฐเว่ย นามว่า อ๋องเว่ยเหวินโห่ว (ครองราชย์ปีก่อนค.ศ. 445-396) รัฐเว่ยเป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของมณฑลเหอหนาน พระองค์ได้รับฎีการ้องทุกข์จากชาวเมืองหยี่ (ปัจจุบันคือเหอเป่ย) จึงได้รับสั่งให้ซีเหมินเปา ไปดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหยี่เพื่อแก้ไขปัญหา
เมื่อเขาเดินทางมาถึงเพื่อรับตำแหน่งเจ้าเมือง เขาได้เชิญบรรดาผู้อาวุโสของเมืองมาร่วมประชุมเพื่อรับฟังปัญหาทุกข์สุข ปัญหาใหญ่ที่ได้นำมาถกคือปัญหาอุทกภัยจากแม่น้ำจาง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของเมือง อันนำมาซึ่งประเพณีจัดการสมรสของเทพเจ้า ผู้มีนามว่าเทพเหอป่อ แต่ประเพณีได้นำความทุกข์มหันต์มาให้แก่ชาวบ้านทุกๆ ปี
สืบเนื่องจากแม่เฒ่าร่างทรงวัย 70 ปี ของเมืองนี้ได้เข้าทรงแจ้งให้ชาวบ้านรู้ว่าเทพเจ้าเหอป่อเป็นผู้ดลบรรดาลให้สายน้ำมาท่วมเมือง และการที่จะหลีกเลี่ยงอุทกภัยนี้ แม่เฒ่าร่างทรงได้แนะนำให้ส่งหญิงสาวพรหมจารีลงไปในบาดาลเพื่อให้ไปสมสู่กับเทพเจ้าเหอป่อ อีกทั้งการส่งหญิงสาวพรหมจารีนั้นจะต้องกระทำทุกปีมิอาจว่างเว้นได้
ถ้าหากว่าหญิงสาวพรหมจารีที่ส่งไปถวายนั้นหน้าตาดีทรวดทรงงดงามเป็นที่ถูกใจองค์เทพเจ้า ท่านก็อาจละเว้นส่งน้ำมาท่วมได้ ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงวันพิธี เจ้าหน้าที่เมืองหยี่พร้อมด้วยแม่เฒ่าร่างทรงก็จะออกตระเวนไปตามบ้านเรือนเพื่อแสวงหาหญิงสาวชาวบ้านที่มีหน้าตาทรวดทรงผิวพรรณที่งดงามเพื่อจะได้ส่งไปเป็นเจ้าสาวขององค์เทพเจ้าเหอป่อ
นอกจากนี้ แต่ละปี เจ้าหน้าที่เมืองหยี่ก็ยังเรียกเก็บภาษีมากมายจากแต่ละครัวเรือนเพื่อใช้จ่ายในพิธีกรรมนี้ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าพวกเจ้าหน้าที่และบรรดาสาวกของแม่เฒ่าร่างทรงมีการยักยอกเงินทองบางส่วนจากภาษีนั้นไว้เอง ฉะนั้นครอบครัวที่มีฐานะดีก็จะใช้ช่องทางนี้ทำการติดสินบนหลีกเลี่ยงที่บุตรสาวของตนจะถูกคัดเลือก และแน่นอนว่าครอบครัวที่ฐานะยากจนก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมนี้ไป
ก่อนถึงวันวิวาห์ส่งตัวเจ้าสาว หญิงสาวที่ถูกคัดเลือกจะถูกนำตัวมาชำระร่างกายให้สะอาด และต้องสวมใส่ชุดกระโปรงผ้าไหมและแพรต่วนชั้นดี จากนั้นนางจะถูกนำไปนอนบนเตียงเจ้าสาวที่ถูกตระเตรียมไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำจาง นางจะต้องทำพิธีอดอาหารหลายวันเพื่อชำระร่างกายภายในให้บริสุทธิ์ก่อนถึงวันวิวาห์ส่งตัวนางไปให้เทพเหอป่อ
เมื่อถึงวันพิธีสมรส นางจะต้องนอนอยู่บนเตียงเจ้าสาว จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะลอยนางพร้อมเตียงนอนและสินสอดของกำนัลลงไปในแม่น้ำ แล้วร่างของนางก็จะจมลงไปเพื่อพบกับเทพเจ้าเหอป่อ นางจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเทพเจ้าเหอป่อตราบชั่วนิจนิรันดร์
พิธีกรรมดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องอยู่หลายปี จนชาวบ้านที่เกรงกลัวว่าบุตรสาวจะถูกคัดเลือกไป มิอาจทนอยู่ได้ก็หลบหนีออกจากเมืองไป ความเป็นอยู่ในเมืองนี้เสมือนเมืองที่เริ่มรกร้างขาดชีวิตชีวา
เมื่อซีเหมินเปาทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาก็มองสบตากับผู้ช่วยคนสนิทของเขาทั้งสองคน เป็นเชิงว่าเรื่องนี้ช่างมีเลศนัยยิ่งนัก ซีเหมินเปาจึงกล่าวกับบรรดาผู้อาวุโสประจำเมืองหยี่ที่มาร่วมประชุมว่า “เรื่องนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง ข้าจักต้องเข้าชมงานนี้เพื่อให้เป็นขวัญตา”
เวลาผ่านไปหลายวัน… พิธีกรรมงานมงคลสมรสของเทพเจ้าแห่งแม่น้ำก็เวียนมาถึงอีกครั้ง เสียงกลอง เสียงแตร เสียงฆ้องดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ ริ้วขบวนนำอันยิ่งใหญ่ประดับด้วยธงสีต่างๆ โบกสะบัด พร้อมด้วยขบวนเครื่องเสียง และขบวนบุคคลสำคัญของเมืองที่มีแม่เฒ่าร่างทรงวัยชราแต่งกายด้วยชุดสีขาวดำ และใส่ลูกปะคำเม็ดใหญ่ สวมมงกุฎมัจฉามังกรไว้บนศีรษะ บรรดาสาวกที่เดินตามต่างก็สวมใส่เครื่องแต่งกายเฉกเช่นกัน ปิดท้ายขบวนด้วยบรรดาเจ้าหน้าที่เมืองหยี่ เมื่อขบวนผ่านไปยังจุดใดฝูงชนก็จะก้มลงกราบ มองดูช่างน่าศรัทธาน่าเกรงขามยิ่งนัก ซีเหมินเปาและคณะต่างนั่งชมอย่างพินิจพิเคราะห์
เมื่อถึงเวลา แม่เฒ่าร่างทรงได้ก้าวขึ้นบนปะรำพิธี เสียงแตร กลอง และฆ้องดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง เหล่าสาวกของนางนั่งท่องมนต์ร่ายคาถาแข่งกับเสียงแตร แม่เฒ่าเริ่มจุดไฟเผากระดาษฮู้ ประกาศโองการสวรรค์ให้ส่งหญิงสาวพรหมจารีเพื่อไปสมสู่กับเทพเหอป่อ บรรดาเจ้าพนักงานเริ่มเคลื่อนตัวไปยังเตียงที่หญิงสาวพรหมจารีนอนอย่างอิดโรยอยู่ เพื่อลอยลงในแม่น้ำจาง
ณ เวลานี้เองที่คนสนิทของเจ้าเมืองซีเหมินเปาร้องตะโกนขึ้นว่า “ช้าก่อน! เจ้าเมืองมีคำสั่งให้นำตัวเจ้าสาวขึ้นมาพิจารณาก่อน” เสียงตะโกนนี้ทำเอาพิธีอันน่าระทึกใจที่ดำเนินอยู่ต้องหยุดชะงักลง แม่เฒ่าร่างทรงถึงกับจ้องเขม็งมายังซีเหมินเปา คนใกล้ชิดของซีเหมินเปาเดินเข้าไปพยุงเจ้าสาวที่หน้าซีด ผอมโซหมดเรี่ยวแรงให้ค่อยๆ ลุกขึ้นมา ซีเหมินเปามองหญิงสาวนางนี้แล้วส่ายหน้าพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า
“แม่หนูกลับบ้านไปเถอะ” และเขาก็ให้ผู้ช่วยคนสนิทช่วยหาอาหารและน้ำให้นางก่อนส่งตัวกลับบ้าน
จากนั้นผู้ช่วยคนเดิมก็กล่าวประกาศแจ้งแก่เหล่าฝูงชนว่า
“ใต้เท้าซีเหมินเปา ให้แจ้งว่าพิธีมงคลในวันนี้ให้เลื่อนออกไปก่อน”
คำประกาศนี้ทำเอาแม่เฒ่าชรา สาวกของนาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นส่งเสียงคำรามอย่างไม่พอใจ แม่เฒ่าร่างทรงในฐานะแม่งานใหญ่ได้ก้าวเท้ามาหาซีเหมินเปาพร้อมด้วยคำขู่ว่า
“ใต้เท้าซีเหมินเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้ความเป็นมาเป็นไป ไฉนจึงบังอาจมาขัดขวางทำลายพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้”
ซีเหมินเปาส่งยิ้มให้แม่เฒ่าพร้อมพูดช้าๆ เบาๆ ว่า “ท่านแม่เฒ่า ท่านคงมิได้พิจารณาหรืออาจเป็นเพราะท่านสูงวัย สายตาอาจเลอะเลือน มองไม่เห็นหรือว่าเจ้าสาวผู้นั้นรูปร่างผอมแห้งปราศจากเรี่ยวแรง หน้าตาก็มิได้งดงามควรแก่การส่งไปเป็นเจ้าสาวของท่านเทพเหอป่อเลย การส่งหญิงสาวที่งดงามไม่ถึงขั้นเป็นการลบหลู่ท่านเทพ แม่นางคนนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรง เช่นนี้จะไปปรนนิบัติองค์เทพได้อย่างไร?”
แม่เฒ่าตอบโต้อย่างไม่ยอมลดราวาศอกว่า “ใต้เท้าทราบหรือไม่ว่า เมื่อสักครู่ขณะข้ากำลังทำพิธี ข้าเข้าฌานเห็นองค์เทพแห่งสายน้ำสั่งบรรดาเทพบริวารทำความสะอาดจัดสถานที่เพื่อต้อนรับเจ้าสาวคนใหม่ การที่ใต้เท้าไม่ส่งเจ้าสาวไปให้จะทำให้องค์เทพพิโรธ อันจะนำมาซึ่งเภทภัยต่างๆ อันสุดจะรับมือได้”
มาถึงจุดนี้เสียงเห็นด้วยจากฝูงชนดังขึ้นอย่างกึกก้อง ยังมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “ใต้เท้า! ทำตามคำพูดของแม่เฒ่าเถิด!”
แม่เฒ่ายังคงร่ายถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เทพเหอป่อว่า “ใต้เท้าทราบหรือไม่ว่ายามที่เทพเหอป่อพิโรธท่านจะประทับบนรถศึก รถศึกนี้ใช้มังกรคู่เป็นพาหนะ ท่านจะแล่นเคลื่อนไปยังหมู่เมฆตั้งแต่บนฟากฟ้าแม่น้ำจางจวบจนแม่น้ำฮวงโห คลื่นลมในแม่น้ำจะปั่นป่วนไปทั่วทุกสารทิศ ยามนั้นองค์เทพจะกลายร่าง พระพักตร์ซีดขาว พระวรกายจะกลายเป็นมัจฉาหรือองค์เทพอาจกลายร่างเป็นมังกรขาวคำรามบนฟากฟ้าทั้งสี่ทิศ ท่านมีอิทธิฤทธิ์มากมายเนื่องจากท่านได้รับพรจากองค์เง็กเซียนฮ่องเต้”
“เอาเถิด ข้าเห็นว่าองค์เทพเหอป่อได้เจ้าสาวไปตั้งหลายคนแล้ว ก็ขอให้ท่านใช้ของเดิมไปก่อนก็ได้ แล้วเราก็ค่อยๆ คัดเลือกอย่างรอบคอบค่อยทำพิธีส่งไปให้ท่านใหม่ก็แล้วกัน” ซีเหมินเปากล่าวแย้ง
“มาถึงจุดนี้แล้ว ความต้องการของเทพ ใต้เท้ามิอาจไม่ตอบสนองได้” แม่เฒ่ากล่าว สถานการณ์ดูจะไม่เปิดช่องว่างให้ซีเหมินเปาถอยเลย
ดังนั้นซีเหมินเปาจึงกระเเอม “แม่เฒ่า! ถ้าเช่นนั้นจงไปแจ้งต่อองค์เทพแห่งสายน้ำว่า ข้าจะพิจารณาคัดเลือกหญิงสาวด้วยตัวข้าเองเพื่อไปเป็นเจ้าสาวของท่าน ขอเวลาสักนิดก่อน”
“ใต้เท้า! โปรดคืนหญิงสาวคนนั้นมาเถิด” แม่เฒ่าเตือนด้วยเสียงคำราม
สถานการณ์เช่นนี้บังคับให้ซีเหมินเปาต้องหลังชนฝา ดังนั้นเขาจึงหันไปมองผู้ช่วย อันมีนัยยะว่ามิอาจมีทางเลือกอื่นใดอีก และเขาก็ได้กล่าวอย่างขึงขังว่า
“แม่เฒ่า! นี่คือคำสั่งของข้า เจ้าเมืองหยี่นามว่าซีเหมินเปา ให้เจ้าเป็นตัวแทนข้าลงไปในบาดาลนำความจากข้าไปทูลเทพเหอป่อว่าข้าสั่งให้เลื่อนส่งตัวเจ้าสาวไปก่อน จนกว่าจะหาหญิงสาวที่เหมาะสมได้”
แม่เฒ่ามองซีเหมินเปาด้วยสายตาท้าทายว่า “ได้ ท่านเจ้าเมือง! ข้าจะถอดญาณลงไปเดี๋ยวนี้”
แต่ซีเหมินเปาตวาดว่า “ข้าสั่งให้เจ้าลงไปในบาดาลด้วยตัวเองเพื่อเป็นตัวแทนข้าไปทูลต่อเทพเหอป่อ เจ้าจะไม่ให้เกียรติท่านเทพได้อย่างไร การไปด้วยญาณเป็นการไม่สมควรยิ่ง แม่เฒ่าจงรีบไปรีบกลับ อย่าได้คุยนานข้ารอคำตอบอยู่”
แม่เฒ่าหน้าซีดขาวราวกระดาษ “ใต้เท้า! ข้าชราแล้วเดินเหินก็ไม่สะดวก พูดจาก็ไม่คล่องแคล่ว โปรดพิจารณาผู้อื่นเถิด!”
ซีเหมินเปาโบกมือเป็นสัญญาณ ทหารสองนายก็เข้าไปขนาบตัวแม่เฒ่าพาขึ้นบนแพ จากนั้นเมื่อถึงกลางแม่น้ำจางก็ได้หย่อนตัวแม่เฒ่าลงไป เวลาผ่านไปพักใหญ่ ซีเหมินเปาก็เรียกตัวเจ้าหน้าที่เมืองหยี่ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญของแม่เฒ่าเข้ามาหาพร้อมกับสั่งว่า
“เจ้าจงไปตามแม่เฒ่าให้กลับมาได้แล้ว ท่าทางคงสนทนากับเทพเหอป่ออย่างสนุกสนานจนลืมว่าข้ากำลังรออยู่”
เจ้าหน้าที่คนนั้นตกใจกลัวรีบก้มลงเอาศีรษะโขกพื้นจนเลือดอาบร้องด้วยเสียงอันดังว่า
“ใต้เท้า เมียข้าเพิ่งคลอดลูกชาย ข้ายังไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย โปรดเลือกคนอื่นเถิด ได้โปรดเถิดใต้เท้า”
“ข้าให้เจ้าไปตามแม่เฒ่ากลับมาเท่านั้น เจ้าจงรีบไปแล้วรีบพาแม่เฒ่ากลับมาอย่าได้ชักช้า” ว่าแล้วทหารสองนายก็เข้ามาพาตัวเขาไปขึ้นแพถ่อสู่กลางแม่น้ำจากนั้นก็หย่อนเจ้าหน้าที่คนนั้นลงไป
เวลาผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป ซีเหมินเปาจึงสั่งให้คนสนิทประกาศว่า “เมื่อไม่มีใครกลับมารายงานความคืบหน้า ก็ให้เลื่อนพิธีสมรสออกไปอย่างไม่มีกำหนด”
กาลเวลาผ่านไปจวบจนเข้าสู่คิมหันตฤดู เจ้าเมืองซีเหมินเปาได้เรียกประชุมผู้เฒ่า ผู้แก่ ลูกบ้านของเมืองหยี่อีก คราวนี้เจ้าเมืองได้เสนอแผนแก้ไขน้ำท่วมอย่างถาวรโดยให้ขุดคลองสิบสองคลองเชื่อมกับแม่น้ำจางเพื่อเปลี่ยนวิถีทางของสายน้ำเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างถาวร
แต่ปรากฏว่าชาวเมืองหยี่จำนวนหนึ่งคัดค้านอย่างรุนแรงสืบเนื่องจากครอบครัวของคนเหล่านี้ไม่มีบุตรสาวและก็ไม่ปรารถนาที่จะต้องถูกเกณฑ์แรงงาน ทว่าซีเหมินเปาย้ำว่า
“งานนี้อาจทำให้ท่านทั้งหลายต้องตรากตรำลำบากระยะหนึ่ง แต่ภายภาคหน้าบุตรสาวและบุตรหลานของท่านจะมิต้องประสบเคราะห์กรรมเฉกเช่นที่ผ่านมาอีก”
การขุดคลองถึงสิบสองคลองในอดีตกาลต้องใช้เวลา กำลังคนและเงินทองอย่างมากมาย ทว่าซีเหมินเปาก็ยืนหยัดทำการจนสำเร็จ คลองทั้งสิบสองได้เชื่อมต่อกับแม่น้ำจางเปลี่ยนวิถีอันเชี่ยวกรากของสายน้ำ จากนั้นเป็นต้นมาชาวเมืองหยี่ก็ไม่ต้องประสบกับอุทกภัยอีกและที่สำคัญชาวบ้านไม่ต้องสูญเสียบุตรสาวเพื่อนำไปสมสู่กับเทพเหอป่ออีกตลอดไป