มารดาของเยว่เฟย์ (งักฮุย) ผู้สอนลูก“อย่างดี ภักดี รับใช้ ชาติ”
ขุนพลเยว่เฟย์ (หรือ งักฮุย) (คศ.1103-1142) วีรบุรุษนักรบผู้ภักดีต่อชาติ ซื่อสัตย์ทรงคุณธรรม เขาเกิดในครอบครัวชาวนาเชื้อสายฮั่นที่ยากจน สถานที่เกิดคือหมู่บ้านหยงเหอ มณฑลเซียงโจว ปัจจุบันคือเขตถังหยิน เมืองอันหยัง มณฑลเหอหนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่เกิดมานั้น แผ่นดินจีนอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง ทว่าต่อมาแผ่นดินจีนถูกรุกรานโดยชาวหนี่เจิน (ซึ่งต่อมาสถาปนาเป็นราชวงศ์จิน) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือที่เข้ามารุกรานและสามารถยึดครองแผ่นดินจีนทางเหนือได้สำเร็จ ขณะเดียวกันก็ได้ควบคุมองค์จักรพรรดิฉินจงแห่งราชวงศ์ซ่งไปเป็นเฉลยไว้ที่เขตฮุ่ยหนิง
อย่างไรก็ตามองค์ชายเฉาโกว ซึ่งเป็นราชโอรสองค์ที่เก้าของจักรพรรดิฉินจงได้ทรงนำประชาชนบางส่วนถอยร่นมาอยู่แนวหลังแม่น้ำหุ่ย ซึ่งเป็นแม่น้ำที่อยู่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำหยางซี จากนั้นพระองค์ก็ได้สถาปนาเมืองหลินอัน (หังโจว) เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ องค์ชายเฉาโกวได้ขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่าจักรพรรดิเกาจง เป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์ซ่งใต้
เยว่เฟย์ได้เรียนการทหารการรบจากโจวถงผู้เป็นครูด้านการศึกที่เก่งกาจในยุคนั้น ทำให้เยว่เฟย์กลายเป็นบุคคลที่รู้จักและมีชื่อเสียง มีเรื่องเล่าว่าขณะที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระส่ายจากศึกทางเหนืออยู่นั้น มีอยู่วันหนึ่ง หยางหยาวซึ่งเป็นโจรตัวฉกาจในหมู่บ้าน ได้มาหาเยว่เฟย์ที่บ้านพร้อมกับชักชวนเยว่เฟย์ให้เข้าร่วมซ่องโจรขบถ พร้อมทั้งเสนอตำแหน่งหัวหน้าซ่องโจรและทรัพย์สินเงินทองมากมายให้แก่เยว่เฟย์ ทว่าเยว่เฟย์กลับปฏิเสธไป
เหตุการณ์นี้อยู่ในสายตามารดาของเยว่เฟย์ตลอด ซึ่งขณะนั้นนางอยู่ในวัยชรา จึงได้เรียกเยว่เฟย์เข้าหา นางกล่าวกับบุตรชายว่า
“เรื่องที่เจ้าปฏิเสธข้อเสนอของหยางหยาวโดยมิได้เห็นแก่ลาภยศทรัพย์สินเงินทอง ทั้งๆ ที่ครอบครัวเรายากจนแสนเข็ญ แม่ภูมิใจในจุดยืนของลูกมาก… ทว่าแม่เกรงว่าเมื่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว จะมีคนชั่วบางคนสามารถมาชักชวนหลอกล่อทำให้จุดยืนของเจ้าเปลี่ยนไป… ฉะนั้นแม่ขอฝากอักษรสี่ตัวไว้บนหลังของเจ้าเพื่อคอยเตือนสติคือ 精忠報國 (Jìnzhōng bàoguó) (แปลว่า อย่างดี ภักดี รับใช้ ชาติ)”
นางกัดฟันร่ำไห้ด้วยน้ำตาใช้พู่กันเขียนอักษรทั้งสี่ตัวไว้บนแผ่นหลังและเขียนซ้ำด้วยน้ำส้มสายชูเพื่อมิให้ตัวอักษรเจือจางไป รวมความได้ว่า “รับใช้ชาติด้วยความภักดีอย่างดี”
เมื่อเยว่เฟย์สอบเข้าบรรจุเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ด้วยความสามารถจึงได้ครองตำแหน่งเป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ เยว่เฟย์ได้นำทัพออกรบปราบเหล่าข้าศึก จนสามารถทยอยรวบรวมแผ่นดินคืนมาได้
ในเวลาต่อมา เยว่เฟย์สามารถรบปะชิดเมืองไคเฟิง (อดีตเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ซ่ง) อีกเพียงปลายจมูกก็สามารถตีคืนเมืองหลวงและสามารถรบชนะขับไล่พวกราชวงศ์จินออกไปได้ แต่ปรากฏว่าได้มีพระบรมราชโองการจากจักรพรรดิเกาจงถึงสิบสองฉบับให้เยว่เฟย์ถอนทัพกลับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าขุนนางในราชสำนักซ่งใต้บางคนได้แอบเจรจาทางลับกับราชสำนักราชวงศ์จินเพื่อขอสงบศึก ด้วยเหตุผลคือมีเสนาบดีบางคนในราชสำนักซ่งใต้ อย่างเช่น ฉินฮุ่ย เป็นไส้ศึกให้ฝ่ายราชวงศ์จิน รวมทั้งบรรดาเสนาบดีเหล่านี้เล็งเห็นถึงความสามารถของเยว่เฟย์จึงเกรงว่าจะเป็นภัยแก่ตัวในภายหลัง จึงต้องการกำจัดเยว์เฟย์ทิ้ง นอกจากนี้พวกเขาก็หยั่งรู้ถึงพระทัยจักรพรรดิเกาจงว่าไม่ทรงปรารถนาที่จะคืนราชบรรลังก์ให้อดีตจักรพรรดิที่ทรงถูกควบคุมเป็นเชลยอยู่ ดังนั้นหากมีการรวบรวมแผ่นดินซ่งได้สำเร็จ ความชอบธรรมที่จะประทับบนราชบรรลังก์ของพระองค์เองก็จะหมดไป
เมื่อเยว่เฟย์ถอนทัพกลับมาถึงเมืองหลินอัน จึงถูกจับกุมพร้อมบุตรชายเยว่หยุน ผู้เป็นนายทหารในกองทัพ ด้วยข้อหาขบถ เยว่เฟย์ได้ถอดเสื้อออกเพื่อให้เห็นอักษรบนแผ่นหลังที่มีคำสั่งเสียของมารดาว่า “อย่างดี ภักดี รับใช้ ชาติ”
“เมื่อข้ายึดถือคำสั่งเสียของมารดาที่เขียนไว้บนแผ่นหลังของข้าพเจ้าให้แบกไว้เยี่ยงนี้ ข้าจะทรยศคิดขบถ ต่อชาติได้อย่างไร” เยว่เฟย์กล่าว
ทว่าเยว่เฟย์ก็ไม่สามารถเอาชนะเหล่าขุนนางชั่วร้ายที่สมคบคิดกันได้ ในที่สุดเยว่เฟย์พร้อมบุตรชายก็ถูกนำตัวไปประหารด้วยการตัดศีรษะ อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของเยว่เฟย์และบุตรชายก็มิได้สูญเปล่า คำสั่งเสียของมารดาได้สร้างให้ลูกและหลานของนางเป็นวีรชนในดวงใจของชนชาติจีนและโลกให้ยึดถือบูชาเคารพเป็นแบบอย่างชั่วนิรันดร